โรงพยาบาลธนบุรี ตรัง ให้ข้อมูลสุขภาพเพื่อการป้องกันและดูแลตัวเองจาก โรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza): เกิดจากเชื้อ Influenza virus แบ่งเป็นชนิด A, B และ C โดยชนิด A รุนแรงที่สุด อาการเด่นคือ ไข้สูง ปวดเมื่อยมาก อ่อนเพลียรุนแรง ปวดศีรษะ
ไข้หวัดทั่วไป (Common Cold): เกิดจากไวรัสอื่น ๆ เช่น Rhinovirus อาการใกล้เคียงกันแต่รุนแรงน้อยกว่า
กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น
เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน
ผู้สูงอายุ ≥65 ปี
ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เช่น ผู้ป่วยมะเร็งที่รับเคมีบำบัด, ผู้ใช้ยากดภูมิ)
ผู้ป่วยโรคประจำตัวเรื้อรัง (หัวใจ ปอด หืด ไตวาย ตับแข็ง ฯลฯ)
รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง: กินอาหารมีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ
รักษาสุขลักษณะ: ใส่หน้ากากอนามัยในที่แออัด, ล้างมือบ่อย ๆ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก ปาก ด้วยมือที่ไม่สะอาด
ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในแต่ละปี
ภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนจะลดลงเมื่อผ่านไป 1 ปี
ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา วัคซีนจึงถูกปรับให้ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาดในปีนั้น
การฉีดซ้ำทุกปีช่วยลดความรุนแรงและความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน
Q: ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้ว ยังเป็นได้ไหม?
A: ยังสามารถเป็นได้ แต่จะมีอาการเบาลงและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
Q: เด็กเล็กและผู้สูงอายุควรฉีดไหม?
A: ควรฉีดอย่างยิ่ง เพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนถึงชีวิต
Q: วัคซีนปลอดภัยไหม?
A: วัคซีนมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือ เจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด